• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่บรรลุเป้าหมาย เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดแบบงี้

Started by kaidee20, April 05, 2023, 07:54:56 PM

Previous topic - Next topic

kaidee20

ในระหว่างที่ยังเป็นนักเรียน หลายคนต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งอกตั้งใจเรียน สอบติดภาควิชาที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี แล้วก็ยิ่งเป็นอาชีพที่คนใดกันแน่ก็รู้จักดังเช่น ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าจ้างรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีมากมายพอที่จะจุนเจือ


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้มีความสุขยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" ผู้ใดกันแน่ก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของความเป็นจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป

แล้วก็ในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะอะไร หากสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าตอบแทนรายเดือนที่มิได้ล้นหลามอะไร ?"

คำถามนี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะมันเต็มไปด้วยความหวังที่รู้สึกว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าเกิดทดลองเปลี่ยนเป็นความคิด "ฉันทำงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันอาจดูประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แต่ถ้าเกิดคิดๆดูแล้ว มันได้ความบันเทิงใจ มากกว่าการถามแบบแรกเนื่องจากว่าความเป็นจริงของชีวิตเป็น

1. มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในตนเอง "แตกต่างกัน" กันไปพวกเราไม่มีความจำเป็นที่ต้องเก่งแบบเดียวกันหมด

2. ในรั้วโรงเรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยถึงแม้ว่าจะพวกเราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งเพียงใด

ขอบเขตวิชาความรู้มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้ในรั้วแค่นั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังต้องรู้เห็นอีกมาก

เรียนรู้กันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกเยอะด้วยเหตุดังกล่าว จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำเป็นต้องดำเนินการสายวิทย์ เรียนสายภาษาจะต้องดำเนินงานสายภาษา มันก็ผิดเสมอไป

3. มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เราจำเป็นจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆเรียนรู้ เบาๆปรับนิสัยไป สิ่งที่พวกเรากำลังสนุกสนานในขณะนี้ บางทีอาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่เราเก่งเดี๋ยวนี้ ในภายหน้า มันบางทีอาจเป็นเพียงความทรงจำ

เนื่องจากอาจมีหลายต้นสายปลายเหตุให้คิดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จะต้องพับโครงงานเรียนต่อเอาไว้

เพราะเหตุว่าเงินไม่พอจึงควรดำเนินงานหารายได้ก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยไปเรียนศิลป์ที่เราชอบ ...

เราจำต้องดูจังหวะของชีวิตด้วย (ความจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันเป็น "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ให้เราค่อยๆซึมซับข้อดีแม้กระนั้นอย่างไปเอง ดังเช่นว่า ฝึกหัดความทรหดอดทน, ฝึกความวิจิตรบรรจง,

ฝึกความสามารถการเข้าสังคมในครั้งหนึ่งที่พวกเราไม่เห็นผลดีว่าจะใช้อะไรได้จริง พอเพียงโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ต้องมีบ้างล่ะที่พวกเรานึกอะไรขึ้นมากระทั่งจะต้องไปพบ อ่ า น ปัดฝุ่นตำราเรียนอีกที

ทุกวิชาความรู้ที่พวกเราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า เพียงแค่พวกเราไม่เห็นค่ามันเอง ลองคิดดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราควรมีช่องทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำหรับการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองกระทั่งเกินความจำเป็น เป็นต้นว่า ถ้าหากวุฒิที่เราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงมากยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

หากพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ พวกเรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่ควรเป็นสิ่งที่ได้ดั่งจิตใจในทันทีทันใดมันเป็นเรื่องธรรมดามากมายๆที่จำต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนล้า

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดถ้าหากจะพบว่าเพราะเหตุใด ห ม อ

บางคนถึงเขียนเพลงได้?

เพราะเหตุใดบางคนเรียนวิชาชีพแต่มาเป็นนักแสดง?

เพราะอะไรบางบุคคลเรียนไม่จบแต่ประสบผลสำเร็จ?

หากยังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" พวกเราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่สมควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้สึกตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" แล้วก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และก็มีหลายมิติ ใช่ว่าควรต้องมองเพียงแต่ด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/